'.

I would love to walk on the ground not on the cloud

Saturday, April 23, 2016

Tomorrow always wait for you ^^

Helloooooo everyone!

สวัสดีฮะ หายไปนานโน๊ะ ช่วงนี้หางานหาการทำอยู่ วุ่นวายเชียวค่ะ แต่ชีวิตยังมีพรุ่งนี้อยู่เนอะ ยังไงก็ต้องไปต่อให้ได้ เรื่องที่จะเขียนคราวนี้คงเป็นเรื่องไร้สาระของตัวเอง ทั้งออกจากงาน ย้ายที่อยู่ ดำเนินเรื่องไปเรียนที่ต่างประเทศ จนถึงจุดที่ไปไม่ได้ ต้องกลับมาหางานทั้งที่อายุปูนนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ บางครั้งบางองค์กรก็ไม่เลือกมหาวิทยาลัยราชมงคล หรือ ราชภัฎ บางครั้งเลือกที่หน้าตา (อันนี้ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้จริงๆ) ตอนสัมภาษณ์หลายๆครั้งที่ผู้สัมภาษณ์จะถามเราว่า ทำได้จริงเหรอ งานหนักนะ คนที่นี่ค่อนข้างแรงนะ โอเคมั้ย คือเราเป็นคนจริงจังกับงานนะ เราชอบให้งานทุกงานออกมาดี ทำผิดบ้าง พลาดบ้าง แต่ก็แก้ปัญหามาได้ตลอด เรื่องคนในองค์กรที่อยู่มาก่อน ที่เป็นรุ่นพี่ๆ เราก็ต้องเรียนรู้นิสัยเอง แล้วปรับตัว คือลุคเราคงดูทำอะไรไม่เป็นอ่ะ คุณหนูเข้ากับคนยากไรงี้มั้ง แต่เราเรียนรู้ที่จะปรับตัวค่าาาาา อย่าตัดสินเราจากภายนอกได้มั้ย ลองให้โอกาสเราก่อนค่าาา นะคะๆ

ความในใจล้วนๆ

Wednesday, May 13, 2015

ได้เวลาเปลี่ยนรึยัง?

สวัสดีท่านผู้ชมทั้งหลายอีกครั้งในเดือนนี้ วันนี้งานยุ่งแสนยุ่งแต่ตัวพี่นี้กลับบ้านมาเปิดคอมฯทำเรื่องส่วนตัวเล็กๆในชีวิตของพี่แล้วมีความสุขเบา เบาคนเดียว ฮิฮิ
ไม่แน่ใจว่าเคยเล่าให้ฟังหรือยังว่าตัวเองประสบพบเจอเรื่องราวเลวร้ายทางการเงินเกี่ยวกับ อภิมหาบัตรอำนวยความสะดวก (แต่ทุกข์มหาศาล) ให้พวกน้องๆได้ฟังกันรึยัง คือ เรื่องมันง่ายๆเลย ตอนที่พี่เริ่มทำงานใหม่ๆก็มีบัตรเจ้านึงพยายามชักชวนพี่ทำ เป็นบัตรกดเงินสด พี่นี่ก็เป็นพวกไม่ชอบหยิบยืมใครเลยสมัครซะ ให้วงเงินมามากโขกว่าเงินเดือนตอนนั้นหลายเท่าอยู่ พี่ก็จัดสุดเลย มีของที่อยากได้ กดมาเกือบ สามหมื่นบาท อ๊ะ อ่านไม่ผิดหรอกจ่ะ ถ้าไม่แน่ใจ พี่อนุญาตให้เขียนเลข 3 ตามด้วย 0 อีกสี่ตัวถ้วนต่อท้ายนะจ๊ะ พี่ใช้หนี้บัตรนี้อยู่กว่าสองปีจ่ะ ฝากน้องนุ่งไม่นุ่งทั้งหลายเลยนะ หาเงื่อนไขอ่านก่อนจะใช้เงินมือเติบแบบพี่ตอนนั้นนะจ๊ะ บอกเลยเสียดายตังค์มาก ไม่งั้นเงินเก็บพี่เพียบละ

วันนี้พี่อยากมาเล่าเรื่อง Money Management ง่ายๆสไตล์พี่ คือเผื่อใครจะได้ความคิดดีๆเริ่มจัดการกับรายรับ(น้อยนิด) และรายจ่าย(มหาศาลของตัวเอง) หลังจากที่พี่ปลดทุกข์ (หนี้บัตร) เรียบร้อย พี่เริ่มหาข้อมูลตามแหล่งต่างๆทั้งอินเตอร์เน็ตและหนังสือ แม้กระทั่งพูดคุยกับผู้คนเรื่องการจัดการการเงินของตัวเอง เอาละ พี่เริ่มละนะ ฟังให้ดี

ข้อสำคัญของพี่คือการรู้ว่า "ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่" ค่าใช้จ่ายในที่นี้คือ สิ่งที่เราต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือนไม่รวมค่ากิน ค่าขนมของเรานะ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าห้อง ค่าผ่อนรถ ค่าบัครเครดิต ฯลฯ เมื่อเรารู้ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ เราสามารถตั้ง Budget ให้ตัวเองได้ อย่าเพิ่ง"งง"นะ มีตัวอย่าง อ่ะเช่น
ตัวพี่มีค่าห้องต้องจ่าย ซึ่งคิดเป็นค่าห้อง 4,300 บาทยังไม่รวมน้ำไฟ พี่ก็จะลองคำนวณและตั้ง Budget ให้ตัวเองว่า ค่าห้องรวมทุกอย่าง ไม่เกิน 5,500 บาทต่อเดือน
ต่อมาค่าโทรศัพท์รายเดือนของพี่ ส่วนใหญ่จะเป็น package ของค่ายอยู่แล้ว พี่ตั้งไว้ไม่เกิน 600 บาทเดือน
สุดท้ายของพี่นี้คือ ค่าบัตรเครดิต แหะๆ โปรฯ 0% มันดึงดูดพี่ อันนี้พี่คำนวณตามที่พี่ต้องผ่อน หรือใช้ไปต่อเดือน (จริงๆอันนี้ก็สำคัญ เดี๋ยวจะมาเล่าวิธีใช้บัตรเครดิตสไตล์พี่ให้ฟังนะ) ตอนนี้ยอดพี่จะอยู่ที่ไม่เกิน 4,100 บาทต่อเดือน

สรุปคือพี่มี Budget รายจ่ายต่อเดือนของพี่อยู่ที่ 10,200 บาทต่อเดือน
ถ้าเงินเดือนพี่ 20,000บาทถ้วน พี่จะเหลือค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 9,800 บาทแหน่ะ
แต่เดี๋ยวก่อน เราเข้าสู่ขั้นตอนแบ่งเงินไปเก็บกับพี่กันเถอะ

ก้อนแรก พี่จะเอาออกมา 2,000 บาทเพื่อซื้อกองทุนรวม(อันนี้ถ้าใครจะซื้อเอาที่ชอบตาสะดวกเลยนะคะ หรืออยากจะถามอะไรยังไงก็ถามได้ค่ะ)

ก้อนที่สอง พี่จะขอ 1,000 บาทเก็บเข้าบัญชีพิเศษของพี่ (อันนี้แล้วแต่ความชอบค่ะ เช่น ชอบท่องเที่ยว ก็เรียกว่าบัญชีเพื่อการท่องเที่ยว หรืออยากได้ออะไรชิ้นใหญ่ๆก็มาเก็บตังค์กันที่บัญชีนี้ก่อนเนอะ)

ก้อนที่สาม(เห้ย เมื่อไหร่จะหมด จะไม่มีใช้แล้วนะ) พี่ขออีกสัก 1,000 บาท เพื่อเก็บออมฉุกเฉินค่ะ หรือถ้าใครมีค่าประกันชีวิตรายปี จ่ายแบบนี้ก็ได้นะ จ่ายเข้าบัญชีตัวเองก่อนแบบนี้ ตอนที่ถึงเวลาจ่ายจะได้รู้สึกไม่หนักมากกับเงินก้อนเนอะ

เอาล่ะ เหลือเท่าไหร่เอาไปใช้โลดดด บอกเลยว่า บางเดือนเงิน 5,800 บาทเนี่ยยังเหลืออีกนะ ฮ่าๆๆๆ คือเวลาจะใช้ จะต้องคิดตลอด เช่นอยากกินพิซซ่ามากก แต่เวลานั้นเราอาจจะแค่รู้สึกหิว หาข้าวกินราคา 35-40บาท ก็อิ่มแล้ว ดีกว่าเสีย 200กว่าบาทมื้อเดียวนะ เป็นแบบนี้ตลอด แต่ไม่ใช่ว่าไม่กินของดีๆ ไม่เจอเพื่อน ไม่มีสังคมนะ คือนานๆทีจริงๆเลยอันนี้

แหมวันนี้อารมณ์ดีมากเขียนยาวเลย คือ กองทุนรวมที่ลงทุนไว้ปันผลออกอีกแล้ว ถึึงจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ได้เก็บหอมรอมริบ ก็ดีใจ

หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่อยากเริ่มมีเงินเก็บนะคะ ที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดคือ มีวินัยค่ะ
เจอกันใหม่บล็อคหน้าน้าาาา :)

Thursday, May 7, 2015

Mom, I love you

ฮัลโหล สวัสดี สะวีดัด เจ้าค่า... จริงๆเรื่องวันนี้ต้องเกี่ยวกับ #Forex อย่างที่เคยบอกไว้ใน "เฟซบุ๊ก" แต่ขออนุญาตแซงคิวด้วยเรื่องนี้นะคะ เวลาที่สมองแล่นอยากจะเขียนรู้สึกเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ข้างหลัง แบบว่าร้อนเหลือเกิน อยากจะลงมือเขียนแล้วนะ ติดที่ว่างานช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง เลยยังหาเวลาที่เหมาะเจาะมาเขียนไม่ได้สักที เอ้าๆ พร่ำเพ้อนานแล้ว ลองอ่านเรื่องคราวนี้กันดูนะคะ

     ครั้งนี้มีพี่ที่ทำงานท่านหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจอันแรงกล้า บวกกับการใช้ชีวิตของเบียร์เอง ซึ่งตอนนี้อยู่ห่างไกลกับครอบครัว นานๆจะเจอกันที เพราะว่าเบียร์ต้องทำงานร่วมกับพี่เค้า ขออนุญาตเรียกพี่ท่านนี้ว่า พี่เอ (นามสมมติ) คือไม่ต้องการละเมิดความเป็นส่วนตัวของพี่เอ และไม่ได้จะเล่าเรื่องของพี่เอ แต่เรื่องที่จะเขียนเกิดจากการที่ได้สอบถามพี่เอ แล้วเราได้ความคิดและรับรู้ถึงความรู้สึก

     " พี่เอ กำลังมีน้องอยู่ในท้อง อายุประมาณ 7 เดือน เธอมักจะเดินช้าๆ กินข้าวตรงเวลา และดูแลตัวเองค่อนข้างดีทีเดียว วันนี้พี่เอ ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ไอและเสียงเริ่มเปลี่ยน ช่วงเย็นๆ เธอบอกว่ารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว " เรื่องเกี่ยวกับพี่เอมีแค่เท่านี้ที่จะเล่า แต่หลังจากนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวเล็กๆน้อยๆที่สัมผัสได้จาก ความรักของเธอที่มีต่อคนๆหนึ่งซึ่งเธอไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ

     เบียร์แค่รู้สึกคิดถึงสิ่งที่แม่ของเบียร์ และแม่ของทุกๆคน ผ่านมา กว่าที่เราจะมีวันนี้แม่เจอกับอะไรมาบ้างนะ วันนี้ที่ได้คุยกับพี่เอ ทำให้อยากกอดแม่

ก่อนที่แม่จะมีเบียร์อยู่ในท้อง แม่คงเป็นผู้หญิงหุ่นดีมาก แต่เพราะเบียร์ แม่เลยต้องกินเยอะๆเพื่อแบ่งให้เบียร์กินให้อิ่ม เบียร์ทำให้หุ่นของแม่เปลี่ยนไป แต่แม่ไม่เคยโทษเบียร์สักคำ

ตอนที่เบียร์ยังอยู่ในท้องของแม่ แม่หนักมาก ใช้ชีวิตลำบากกว่าปกติมาก เบียร์เพิ่งรู้จากพี่เอวันนี้ว่าบางทีก็มีอาการหายใจลำบาก เพราะขนาดท้องใหญ่ขึ้นก็จะดันขึ้นมาด้านบน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแม่ยังเต็มใจที่จะลำบากและไม่เคยบ่นสักคำ

บางทีแม่ต้องกินของที่ไม่ชอบกิน แค่เพราะหมอบอกว่ามันดีต่อเด็ก แม่ก็ยังกินทั้งๆที่ไม่ชอบแต่เพราะนั่นมันดีกับเบียร์ เวลาที่แม่ไม่สบาย แม่ก็กินยาไม่ได้ ทำได้แค่อดทนให้อาการเหล่านั้นทุเลาลงไปเอง นั่นก็เพราะแม่เป็นห่วงเบียร์มากกว่าตัวเอง

พอเบียร์ตัวใหญ่ขึ้น ดิ้นขลุกขลักอยู่ในท้องแม่ น้ำหนักที่สองขาเล็กๆของแม่ต้องแบกรับและอดทน แต่แม่ก็ไม่เคยว่าอะไรสักคำที่เบียร์ดิ้นอยู่ในนั้น สุดท้ายวันนึงพอแม่แก่ตัว คุณหมอบอกว่าแม่มีปัญหาเรื่องหัวเข่า แม่ก็ไม่ได้โทษว่าเป็นเพราะเบียร์

วันที่เบียร์ออกมาลืมตาดูโลก ยังเป็นวันที่แม่เจ็บที่สุดในชีวิตอีก แต่แม่กลับดีใจที่เราได้เจอกัน

มันดูเป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติ แต่บางครั้งบางทีเราก็ลืมไปว่าแม่ลำบากแค่ไหนกว่าเราจะมีวันนี้ เราเคยได้ยินแม่โทษเราหรือเปล่าว่าที่แม่ลำบากขนาดนั้นเพราะเรา  เวลาที่เราเถียงแม่เพราะแม่พูดไม่เข้าหู เราพูดไม่ดีเพราะเราไม่พอใจ เราไม่เชื่อฟังและดื้อรั้น เราทำให้แม่เสียใจขนาดนั้น แม่เคยโทษเราหรือเปล่า

กลับบ้านไปกอดแม่กันด้วยนะ